สวัสดีสาวก UnetLab วันนี้ผมมีหัวข้อการนำเสนอเป็น “การทำ Packet capture บน UnetLab” ครับ
เนื่องจาก UnetLab เป็นเครื่องมือที่ใช้ทำการทดสอบ Lab ที่สมบูรณ์มากที่สุดในช่วงที่เขียน Blog วันนี้แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปเมื่อเทียบกับ GNS3 และ IOU-Web คือ การใช้งาน Packet capture เพื่อทำการวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นใน Lab ซึ่งจะทำให้เราสามารถเข้าใจการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆได้ดีมากขึ้น หลังจากที่ได้ลองเข้าไปเล่นใน Backend ของ UnetLab มาแล้วสามถึงสามบทความ วันนี้เราจะมาเล่น Backend ของ UnetLab กันอีกรอบแต่เป็นการใช้งานขั้นสูงขึ้นอีกนิดโดยเป็นการประยุกต์ใช้งาน TCPDump เพื่อให้สามารถใช้งาน Packet capture ได้
ขั้นตอนในการทำ Packet capture บน UnetLab แบบคร่าวๆจะมีขั้นตอนดังนี้
ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มทำให้โหลดโปรมต่างๆมาเตรียมไว้ให้พร้อมโดยสามารถ Download ได้จาก Link ด้านล่างนี้
หลังจากทราบข้อมูลเบื้องต้นกันแล้วให้เราทำการเริ่มต้นที่ UnetLab ดังนี้
เท่านี้ก็จบบทความในวันนี้แล้ว พบกันใหม่ตอนต่อไปครับ ^^
ต่อเนื่องจากบทความที่แล้วที่มีการติดตั้ง Windows บน UnetLab กันไปแล้ววันนี้เราจะมาเริ่มแหกคอกกันด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ที่ UnetLab ไม่มีอยู่ใน Support list กันนั่นคือ Ubuntu server! สำหรับการติดตั้ง Ubuntu รอบนี้จะเป็นการ Import VirtualBox VM เข้ามาใช้งานแทนการติดตั้ง Clean install แบบ Windows ในบทความตอนที่แล้วเพื่อให้ได้แนวคิดในการประยุกต์ใช้งานนั่นเอง ดังนั้นก่อนที่เราจะเริ่มขั้นตอนต่างๆในบทความนี้ได้เราจะต้องมี Ubuntu VM อยู่ก่อนหน้านี้แล้วโดยอาจจะสร้างจาก VMware หรือ VirtualBox ก็ได้ แต่ในตัวอย่างจะใช้ VirtualBox ตามรูปนี้
สำหรับการติดตั้ง Ubuntu server จะใช้ประโยชน์จากส่วนของ Device prefix ของ Windows ในการหลอก UnetLab ว่าสิ่งที่เรากำลังใช้งานอยู่นั้นคือ Windows ไม่ใช่ Ubuntu ดังนั้นการทำแบบนี้จะสามารถหลอกให้ UnetLab ทำการเปิดอุปกรณ์ของเราขึ้นมาใช้งานได้ถึงแม้ว่าอุปกรณ์นั้นจะยังไม่อยู่ใน Support list นั่นเอง สำหรับตัวอย่าง Prefix ของอุปกรณ์ต่างๆมีดังนี้
โดยที่ xxx เป็นการระบุรายละเอียดเพิ่มเติมของ Prefix นั้นๆ เช่น Version software หรือ Windows version ก็ได้ ดังนั้นการที่เราจะใช้งาน Ubuntu เราก็จะต้องเอามาสวมรอยใน Windows โดยการสร้าง Folder prefix เป็น win-ubuntu15.04
มาเริ่มลงมือกันโดยมีขั้นตอนดังนี้
เมื่อทำตามขั้นตอทั้งหมดที่เขียนไว้แล้วเราก็พร้อมที่จะใช้งาน Ubuntu กันแล้ว ให้ลองสร้าง Lab ขึ้นมาใหม่หนึ่ง Lab จากนั้นทำการเลือก Node เป็น Windows เราจะเห็นชื่อที่เราตั้งไว้ตามรูปด้านล่างนี้
ให้นำ Node ไปวางและลอง Start อุปกรณ์ขึ้นมาดูว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะได้ผลตรมนี้ครับ
สำเร็จแล้วกับการแหกคอกในครั้งนี้ครับพ้ม ^^
You are working as a network engineer at a Turtle Aquarium based in Florida. Your colleague wants to check the running-configuration of one of the routers in the network but because of the security policy he’s not allowed to use HTTP, TFTP, TELNET or SSH. You can’t break company regulations but maybe you can bend it a little?
คุณทำงานเป็นวิศวกรเครือข่ายที่ Turtle Aquarium ในฟลอริดา เพื่อร่วมงานของคุณต้องการตรวจสอบ running-configuration บนเราท์เตอร์แต่ข้อบังกำหด้านความปลอดภัยระบุว่าเขาไม่สามารถใช้งาน HTTP, FTP, TELNET หรือ SSH ได้ คุณไม่ต้องการละเมิดข้อบังคับของบริษัทบางที่คุณก็มีวิธีทำแบบอ้อมๆใช่มั้ย?
All IP addresses have been preconfigured for you.
Configure router Shell so router Turtle can view its running configuration.
c3640-jk9s-mz.124-16.bin
Login Menu
Scenario:
You are a network teacher specialized in routing and switching. To help your students who are not so familiar with the command-line you want to use one of your routers so it displays a menu everytime they login.
สถานะการณ์จำลอง:
คุณเป็นอาจารย์พิเศษวิชาเราท์ติ้งและสวิทชิ่ง เพื่อช่วยให้นักเรียนที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้งานคอมมานไลน์ คุณจะต้องใช้เราท์เตอร์ตัวหนึ่งในการแสดงเมนูในทุกครั้งที่มีการล็อกอิน
Goal:
เป้าหมาย:
IOS
Topology:
Video Solution:
ความเห็นล่าสุด